จากเจ้าของแบรนด์ที่ลงทุนหลายสิบล้าน แต่กำไรกลับลดลงทุกเดือน เพราะต้นทุนแฝง สู่การสร้างกำไรได้จริงโดยไม่ต้องเร่งยอดขาย

IMPACT STORY I CASE STUDY

THE CHALLENGE

ความท้าทาย และปัญหาที่เจ้าของแบรนด์สินค้าต้องเผชิญ

แบรนด์สินค้าประเภทอาหาร ที่มียอดขายและรายได้เฉลี่ย 10-15 ล้านบาทต่อปี ทำธุรกิจแบบมีโรงงานผลิตสินค้าเอง และจำหน่ายสินค้าให้แก่คู่ค้าทั้งในประเทศไทยและส่งออกต่างประเทศ

ประสบปัญหากำไรลดลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ทั้งที่ยอดขายยังอยู่ในระดับเดิม เนื่องจากปัญหาที่ยังหาทางแก้ไม่ได้

1. ปัญหาพนักงานทำงานไม่ทัน ทั้งที่เพิ่มกะ และเปิด OT ทุกครั้งที่มีออร์เดอร์สินค้าเข้ามา

2. วัตถุดิบเสียในขั้นตอนผลิตที่ต้องทิ้งสูงสุด 50%

เจ้าของต้องการพลิกวิกฤติที่กำลังเจอ เนื่องจากเริ่มแบกรับค่าใช้จ่ายและต้นทุนจากปัญหาไม่ไหว และเสี่ยงที่จะต้องปิดกิจการ ด้วยเป้าหมายในการลดปริมาณของเสียจากการผลิตที่สูงเกินมาตรฐาน และจัดการวางระบบการทำงานใหม่ให้ไม่ติดขัดล่าช้า

เราเข้าใจถึงความกดดันที่เจ้าของแบรนด์ต้องจำใจแบกรับ

1. ความไม่แน่นอนของกำไร: ไม่ว่าจะมีออร์เดอร์เข้ามาเยอะแค่ไหน ก็ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือกำไรเท่าไหร่ เพราะปัญหา และต้นทุนที่ยังควบคุมไม่ได้

2. การทำธุรกิจที่ไม่มีเวลาได้พัก: ต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการปัญหาภายใน จนไม่มีเวลาไปคิดกลยุทธ์เพื่อการเติบโต และอยู่กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่

3. ความฝันที่เหมือนอยู่ไกลออกไปเรื่อย ๆ: เมื่อคุณสร้างแบรนด์มาด้วยแพสชั่นและความมุ่งมั่น แต่ความจริงที่ต้องแบกรับคือรายได้ที่สวนทางกับความตั้งใจ ทำให้รู้สึกท้อแท้ หมดไฟ ไม่อยากไปต่อ

WHAT WE FOUND

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องจักร หรือพนักงานมีเวลาทำงานไม่พอ แต่อยู่ที่ "ระบบการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ"

1. สต๊อกวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปสูงเกินมาตราฐานประมาณ เพราะคิดว่าของบางอย่างซื้อเยอะแล้วได้ราคาถูก แต่รวม ๆ กันแล้วกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่โดนแช่แข็ง
2. ตำแหน่งงานเดียวกัน แต่ความชำนาญของพนักงานไม่เท่ากัน ทำให้บาง lot เกิดของเสียที่ต้องทิ้งมากกว่าครึ่ง และต้องเริ่มทำใหม่ ทั้งหมด
3. Waste จากระบบการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีค่าใช้จ่ายแฝงจากทั้งด้านเวลา ค่าจ้างแรงงาน และการใช้ทรัพยากร
4. ประมาณการความเสียหายจากต้นทุนแฝง สำหรับธุรกิจที่มีรายได้ต่อปี 20 ล้านบาท = เผาเงินทิ้งไป 5 ล้านบาท ทุก ๆ ปี

THE APPROACH

SUST FRAMWORK

กลยุทธ์ในการแก้ปัญหา

SEE

1. วิเคราะห์ต้นทุนเชิงลึก เจาะลึกปัญหาหน้างานจากการสังเกตทุกขั้นตอนในการทำงาน ตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ การผลิต จนถึงการจัดเก็บสินค้าสำเร็จ (Finish Goods)

2. สอบถามพนักงานและผู้เกี่ยวข้องถึงปัญหาระหว่างการทำงานที่พบเจอ

UNDERSTAND

1. รวบรวมทุกปัญหาพบเจอ แยกประเภท และจัดลำดับความรุนแรง

2. ทำความเข้าใจต้นตอที่แท้จริงของแต่ละปัญหาด้วย วิเคราะห์ด้วย Root Cause Analysis Tools

3. วิเคราะห์ Waste ในทุกแง่มุม ทั้ง เวลา, คน, พื้นที่ และขั้นตอนการทำงาน

4. ค้นหาความคุ้มค่าของสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างทางเลือกที่ดีกว่า ด้วย Value and Functional Analysis Metrology

SOLVE

1. ออกแบบโซลูชั่นที่เหมาะสมกับแต่ละปัญหาโดยเฉพาะ

2. สร้างวิธีการบันทึก ควบคุมและติดตามงานแบบง่าย ๆ เช่น Visual Board / Checklist

3. วาง Workflow ให้ดีขึ้น ลดคอขวด และงานซ้ำซ้อน

4. Cross-training เพื่อจัดการปัญหาด้านภาระงาน และทักษะคนที่ไม่สมดุล

TRANSFORM

1. เริ่มทดลองใช้งานโซลูชั่นใหม่ และติดตามผลลัพธ์

2. สรุปผลลัพธ์ Best Practices และสิ่งที่ต้องปรับปรุง

3. สร้างมาตรฐานการทำงานใหม่เพื่อให้ระบบที่ปรับปรุงแล้วยังคงมีประสิทธิภาพในระยะยาว

4.ส่งเสริมให้หัวหน้าทีมเริ่มเป็นพี่เลี้ยง / โค้ช สอนงาน เพื่อลดภาระเจ้าของไม่ต้องคอยมาแก้ปัญหาเอง

THE IMPACT

การเปลี่ยนแปลงจากวางระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และลดต้นแฝงในธุรกิจช่วยเพิ่มผลกำไร โดยไม่ต้องเพิ่มยอดขาย

ลดปริมาณของเสียในการผลิตที่สูงกว่ามาตรฐานลงอย่างมีนัยสำคัญ
ลดปริมาณสต๊อกวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปส่วนเกิน ที่เกิดขึ้นในแต่ละ Lot
ประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น Workflow คล่องตัวมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่ไม่จำเป็น
ต้นทุนแฝงลดลง เริ่มเห็นตัวเลขกำไรกลับมาสู่ธุรกิจ

KEY TAKEAWAYS

แก่นแท้ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่เจ้าของแบรนด์นำไปใช้ได้จริง

1. ยอดขายที่โตขึ้น ≠ กำไรดีขึ้นเสมอไป: ต้องมองให้ลึกกว่ายอดขาย เพราะธุรกิจคุณอาจกำลังซ่อนต้นทุนแฝงที่มองไม่เห้น แต่กัดกินกำไรเงียบ ๆ อยู่ทุกวัน

2. ทุกวันจะมี Waste, ต้นทุนแฝง หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เกิดขึ้น: แม้จะไม่มีการบันทึก หรือรายงาน ถ้าคุณไม่มีระบบที่ช่วยให้มองเห็น รอยรั่วเหล่านี้จะค่อย ๆ กัดกินกำไรอย่างเงียบ ๆ ทุกวัน

3. กำไรที่หายไป ไม่จำเป้นต้องแก้ด้วย “การเร่งยอดขาย” เสมอไป: การปรับปรุงระบบและหยุดการเสียเงินโดยไม่จำเป็น คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้กำไรกลับมา โดยไม่ต้องใช้ความพยายามไปกับการเร่งยอดขาย